วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

เปิดไส้ในร่างผังเมืองรวมเมืองหัวหิน

ขยายพื้นที่ 4 ตำบล

การปรับปรุงผังเมืองรวมเมืองหัวหิน (ปรับปรุงครั้งที่ 2) ได้มีการขยายเขตวางผังออกไปทางทิศตะวันตก รวมเป็นพื้นที่ 327 ตารางกิโลเมตร (จากเดิมครอบคลุมเฉพาะพื้นที่ในเขตเทศบาล 235 ตร.กม.) ประกอบด้วย ตำบลหินเหล็กไฟ ตำบลหัวหิน พื้นที่ส่วนใหญ่ของตำบลทับใต้ ตำบลหนองแกทั้งตำบล และเส้นขนานระยะ 500 เมตรจากแนวชายฝั่งทะเลอ่าวไทย

การใช้ประโยชน์ที่ดินเมืองหัวหินในปัจจุบัน 

ในเขตเทศบาลเมืองหัวหินตอนบนเป็นที่ตั้งของสนามบินบ่อฝ้าย ที่ตั้งของพระราชวังไกลกังวล

ตอนกลางของพื้นที่เป็นที่ตั้งสถานีรถไฟตลาดฉัตรชัยและถนนดำเนินเกษม

ส่วนด้านล่างเป็นพื้นที่เขาตะเกียบ

ตอนล่างสุดของผังเป็นพื้นที่เขาเต่า

นอกเขตเทศบาลมีการกระจายตัวของชุมชน ทำให้เกิดพื้นที่นันทนาการ เช่น สวนน้ำแบล็คเมาน์เทน ตลาดน้ำสามพันนาม วัดห้วยมงคล และมีสถานที่ราชการกระจายออกไป เช่น ที่ว่าการอำเภอหัวหิน

ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าในอีก 20 ปีข้างหน้า (ปี 2575) จะมีประชากรประมาณ 280,000 คน (ปี 2555 มีประชากร 150,000 คน) และจะมีประชากรแฝงราว 52,000 คน

การลงทุนสูงสุด 4 หมื่นล้าน

ขณะที่ด้านเศรษฐกิจ เมืองหัวหินมีมูลค่าการลงทุนสูงสุดมากกว่าทุกอำเภอรวมกันในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยมีมูลค่าประมาณ 40,000 ล้านบาท

ธุรกิจที่มีทุนจดทะเบียนสูงสุด คือ
1.การขายปลีกขายส่ง ร้อยละ 66
2.การเช่าซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ร้อยละ 19 และ
3.ธุรกิจโรงแรมและภัตตาคาร ร้อยละ 15

สำหรับจำนวนนิติบุคคลจดทะเบียนสูงสุด คือ ธุรกิจเช่าซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ร้อยละ 58.61 รองลงมาคือ ธุรกิจขายปลีกขายส่ง ร้อยละ 21.23 ธุรกิจโรงแรมและภัตตาคาร ร้อยละ 20.15

ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าโครงการสำคัญที่จะเกิดในพื้นที่ เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูง จะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงประชากรในปี 2575 โดยจะมีผู้โดยสารเฉลี่ยประมาณ 21,300 คน/ต่อวัน มีสินค้าเข้าประมาณ 1,300,000 ตัน/ต่อปี มีนักท่องเที่ยว 4 ล้านคน/ต่อปี และมีรายได้จากการท่องเที่ยว 16,000 ล้านบาท/ต่อปี


เมืองท่องเที่ยว-พาณิชย์/บริการ

ขณะที่ศักยภาพเมืองหัวหิน เป็นเมืองพาณิชยกรรมและบริการที่สำคัญ มีสนามบินบ่อฝ้ายเปลี่ยนถ่ายการเดินทาง เป็นศูนย์กลางการขนส่งระบบราง เนื่องจากมีรถไฟสายใต้พาดผ่านกลางเมือง และยังมีสถาปัตยกรรมเป็นเอกลักษณ์ มีชายหาดที่สวยงาม การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ทรัพยากรทางทะเลที่อุดมสมบูรณ์เพื่อการท่องเที่ยว

ส่วนแนวโน้มการขยายตัวของชุมชนในเขตเทศบาลเมืองหัวหินตั้งแต่เหนือจดใต้มีการขยายตัวทั้งสองฟากฝั่งของถนนเพชรเกษมส่วนพื้นที่ด้านนอกมีการขยายตัวมาตามแนวถนนสาย3218 และสาย 2057

ทั้งนี้ สำนักงานโยธาธิการและผังเมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้กำหนดวิสัยทัศน์ให้หัวหินเป็นเมืองศูนย์กลางการท่องเที่ยวตากอากาศระดับโลก มีการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ เชิงวัฒนธรรม เชิงเกษตร เป็นเมืองน่าอยู่ฟื้นฟูธรรมชาติ เป็นเมืองต้นแบบด้านการส่งเสริมพลังงานทางเลือกและลดปริมาณขยะ มีระบบบริการสาธารณะที่เพียงพอและทั่วถึง

"บ่อฝ้าย" รับไฮสปีดเทรน

สำหรับการใช้ประโยชน์ที่ดิน ผังเมืองรวมเมืองหัวหินเป็นเมืองหลายศูนย์กลาง เช่น ศูนย์กลางภายในเทศบาลเมืองหัวหิน บริเวณรอบสถานีรถไฟหัวหิน ตลาดฉัตรชัยและถนนดำเนินเกษมกำหนดให้เป็นพื้นที่พาณิชยกรรมดั้งเดิม และส่งเสริมการท่องเที่ยว/บริการ ด้านบนเป็นพระราชวังไกลกังวลกำหนดให้มีการควบคุมพิเศษรอบวัง ถัดขึ้นมาตอนบนจะเป็นศูนย์ "บ่อฝ้าย" เป็นศูนย์คมนาคมหลายรูปแบบทั้งทางบก ทางอากาศ และทางน้ำ

ส่วนตอนล่าง คือ บริเวณศูนย์ "หัวนา" ให้เป็นพื้นที่พาณิชยกรรมใหม่ เนื่องจากศูนย์พาณิชยกรรมเดิมมีข้อจำกัดด้านกฎหมาย ด้านล่างกำหนดให้เป็นที่อยู่อาศัย ศูนย์ "เขาตะเกียบ" ให้เป็นการอยู่อาศัยเพื่อการท่องเที่ยว ด้านล่างสุด ศูนย์ "เขาเต่า" ให้เป็นพื้นที่อนุรักษ์เพื่อการท่องเที่ยว และการอยู่อาศัยเชิงอนุรักษ์ในเขตเทศบาลเมืองหัวหินทั้งหมด

หนองสมอ-ตะเภาโซนพาณิชย์ใหม่

สำหรับศูนย์กลางภายนอกด้านทับใต้แบ่งออกเป็นศูนย์ชุมชน"หนองสมอ"ให้เป็นพื้นที่พาณิชยกรรมใหม่ เพื่อรองรับการขยายตัวจากเขตเทศบาลเมืองหัวหิน ถัดออกมาเป็นศูนย์ "หนองตะเภา" ให้เป็นพื้นที่พาณิชยกรรมใหม่รองรับภาคเกษตรกรรม ส่วนศูนย์กลางอื่น ๆ ที่อยู่ในตำบลทับใต้ให้เป็นพื้นที่อยู่อาศัยรองรับแหล่งงาน และคำนึงถึงข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องกับเขตปลอดภัยในทางทหาร

นอกจากนั้น ยังมีการวางผังที่โล่งเพื่อการนันทนาการ 8 ประเภท ได้แก่
1.ที่โล่งสวนสาธารณะและบึงน้ำสาธารณะ
2.ที่โล่งประเภทภูเขา
3.ที่โล่งริมชายฝั่งทะเล
4.ที่โล่งริมแหล่งน้ำสายหลัก คือ ห้วยสามพันนามและห้วยมงคล
5.ที่โล่งเพื่อการกักเก็บน้ำ คือ อ่างห้วยมงคล อ่างห้วยไกรทอง อ่างเขาเต่า
6.ที่โล่งเพื่อการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม บริเวณชายฝั่งทะเล
7.ที่โล่งริมเขตทางหลวงสายหลัก ทางหลวงแผ่นดิน และ
8.ที่โล่งริมคลองที่มีชื่อในข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดิน

สถานีรถไฟเป็นศูนย์การเดินทาง

สำหรับด้านระบบคมนาคมและขนส่งในเขตเทศบาลเมืองหัวหินกำหนดศูนย์กลางสถานีรถไฟหัวหินเดิมให้เป็นศูนย์เปลี่ยนถ่ายการเดินทางภายในเมืองและระหว่างเมืองด้วยระบบขนส่งสาธารณะส่วนด้านบนเป็นศูนย์สนามบินบ่อฝ้ายและสถานีรถไฟบ่อฝ้ายซึ่งจะเป็นสถานีรถไฟความเร็วสูงในอนาคตกำหนดให้เป็นศูนย์เปลี่ยนถ่ายการเดินทางหลายรูปแบบ

ส่วนบริเวณศูนย์เขาเต่าให้เป็นศูนย์เปลี่ยนถ่ายการคมนาคมภายในชุมชนและระหว่างเมืองโดยในเขตเทศบาลเมืองหัวหินจะส่งเสริมเป็นถนนเลี่ยงเมืองถนนสายรองส่งเสริมทางเท้า ส่งเสริมทางจักรยานและที่จอดรถ สำหรับศูนย์ภายนอกทุกศูนย์ให้ส่งเสริมการเดินทางโดยรถยนต์สาธารณะ ส่งเสริมถนนสายรอง ส่งเสริมทางเท้าทางจักรยาน และส่งเสริมที่จอดรถขนส่งสาธารณะ

ผังเมืองรวมเมืองหัวหินฉบับใหม่จะทำให้การพัฒนาเมืองหัวหินเติบโตอย่างมีทิศทางน่าเที่ยวน่าอยู่ในฐานะศูนย์กลางการท่องเที่ยวตากอากาศระดับโลกซึ่งยังต้องรอประกาศในราชกิจจานุเบกษาบังคับใช้ต่อไป

ติดตามข่าวสารผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ค ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
www.facebook.com/PrachachatOnline
ทวิตเตอร์ @prachachat

วันเสาร์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่จะเริ่มใช้ปี 2562

ร่างพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างฉบับนี้คาดว่าจะเริ่มใช้จริงในปี 2562
ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนของการส่งให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณา ซึ่งผ่านวาระแรกเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2560 และขณะนี้อยู่ในชั้นกรรมาธิการวิสามัญพิจารณา

ใคร...มีหน้าที่ต้องเสียภาษีที่ดิน และสิ่งปลูกสร้าง?

บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้าง หรือผู้ครอบครองหรือทำประโยชน์ในที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างอันเป็นทรัพย์สินของรัฐ 

ทรัพย์สินอะไรบ้างที่ต้องเสียภาษีที่ดิน และสิ่งปลูกสร้าง?

ที่ดิน, สิ่งปลูกสร้าง, ห้องชุด

การจัดแบ่งประเภทของที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างที่ต้องเสียภาษี

มีการแบ่งที่ดินและสิ่งปลูกสร้างออกเป็น 4 ประเภท ตามลักษณะการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน และที่ต้องเสียภาษี ดังนี้
1. เกษตรกรรม หมายถึง การใช้ที่ดินในการทำนา ทำไร่ ทำสวน เลี้ยงสัตว์ เลี้ยงสัตว์น้ำ และกิจการอื่นตามที่รัฐมนตรีจะประกาศกำหนด (อาจต้องดำเนินการขึ้นทะเบียนเป็นเกษตรกร
2. บ้านพักอาศัย ซึ่งจะแบ่งเป็น 2 ประเภท
  • บ้านพักอาศัยหลังหลัก โดยดูจากเจ้าของต้องมีชื่ออยู่ในโฉนด เจ้าของใช้เป็นที่อยู่อาศัย และเจ้าของต้องมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในวันที่ 1 มกราคม ของปีภาษีนั้นๆ
  • บ้านพักอาศัยหลังอื่นๆ หมายถึงกรณีที่เจ้าของมีชื่อในโฉนดเฉยๆ ไม่ได้มีชื่อในทะเบียนบ้าน
3. พาณิชยกรรม หมายถึง การใช้ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ไม่ได้ใช้เพื่อการเกษตรกรรมหรือการอยู่อาศัย เช่น ใช้เพื่อพาณิชยกรรมหรืออุตสาหกรรม เป็นต้น
4. ที่รกร้างว่างเปล่า หมายถึงที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ไม่ได้ทำประโยชน์ตามควรแก่สภาพ หรือทิ้งไว้ว่างเปล่า

อัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ตามร่างล่าสุด

1. สำหรับกรณีที่เป็นที่ดินเพื่อใช้ในการประกอบอาชีพเกษตรกรรม จัดเก็บภาษีได้ในอัตราไม่เกิน 0.2% 
2. สำหรับกรณีที่เป็นที่พักอาศัย จัดเก็บภาษีในอัตราไม่เกิน 0.5%
3. สำหรับกรณีที่เป็นที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างเพื่อใช้ประโยชน์ด้าน พาณิชยกรรม อุตสาหกรรม และอื่นๆ จัดเก็บภาษีได้ในอัตราไม่เกิน 2%
4. สำหรับกรณีที่เป็นที่ดินที่ทิ้งว่างเปล่า ไม่ได้ทำประโยชน์ตามสภาพ จัดเก็บภาษีได้ในอัตราไม่เกิน 5% ของฐานภาษี

ฐานภาษีสำหรับที่ดิน และสิ่งปลูกสร้าง

คิดคำนวณจาก มูลค่าของทรัพย์สิน ที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง และห้องชุด ตามราคาประเมินทุนทรัพย์ ของทรัพย์สินนั้นๆ (*ราคาประเมินนี้จะเป็นไปตามราคาประเมินของกรมธนารักษ์)

การคำนวณภาระภาษีที่ต้องเสียในแต่ะปี

การคำนวณภาระภาษี จะแยกเป็น 3 กรณี ดังนี้
1. กรณีเป็นที่ดินไม่มีสิ่งปลูกสร้าง
ภาระภาษี =  (ราคาประเมินทุนทรัพย์ที่ดิน (ต่อ ตร.ว.) x ขนาดพื้นที่ดิน) x อัตราภาษี  
2. กรณีเป็นที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
 ภาระภาษี = (มูลค่าที่ดิน* + มูลค่าสิ่งปลูกสร้าง**) x อัตราภาษี *กำหนดให้ มูลค่าที่ดิน = ราคาประเมินทุนทรัพย์ที่ดิน (ต่อ ตร.ว.) x ขนาดพื้นที่ดิน
** กำหนดให้ มูลค่าสิ่งปลูกสร้าง = ราคาประเมินทุนทรัพย์โรงเรือนสิ่งปลูกสร้าง (ต่อ ตร.ม.) x ขนาดพื้นที่สิ่งปลูกสร้าง - ค่าเสื่อมราคา
3. กรณีเป็นห้องชุด
 ภาระภาษี = (ราคาประเมินทุนทรัพย์ห้องชุด (ต่อ ตร.ม.) x ขนาดพื้นที่ห้องชุด (ตร.ม.)) x อัตราภาษี 

การคิดค่าเสื่อมราคาของสิ่งปลูกสร้าง

ข้อควรรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับอัตราภาษีสำหรับที่ดินที่ทิ้งไว้ว่างเปล่า 

กรณีที่ดินที่ทิ้งไว้ว่างเปล่าหรือไม่ทำประโยชน์ตามควรแก่สภาพที่ดิน จะถูกเก็บภาษีในอัตราที่สูง และปรับเพิ่มขึ้นทุกๆ 3 ปีเพื่อเป็นการกระตุ้นให้มีการใช้ประโยชน์ในที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โดยกำหนดอัตราภาษีที่ใช้จัดเก็บจริง 
  • ใน 3 ปีแรกจะเก็บในอัตราร้อยละ 1 ของฐานภาษี 
  • ในปีที่ 4 - 6 เก็บในอัตราร้อยละ 2 ของฐานภาษี และ
  • ในปีที่ 7 เป็นต้นไป จะเก็บในอัตราร้อยละ 3 ของฐานภาษี 

การยื่นแบบ และชำระภาษี

เจ้าหน้าที่จะแจ้งการประเมินไปยังผู้มีหน้าที่ผู้เสียภาษี ภายในเดือนกุมภาพันธ์ของแต่ละปี เพื่อเรียกให้ชำระภาษี และผู้เสียภาษียื่นแบบแสดงรายการภาษี พร้อมชำระภาษี ภายในเดือนเมษายนของปีนั้นๆ

การบรรเทาภาระภาษี (โดยพระราชกฤษฎีกา)

1. ลดภาระภาษีให้ไม่เกิน 75% เช่น 
  • บ้านพักอาศัยหลักซึ่งได้กรรมสิทธิ์มาจากการรับมรดกก่อน พ.ร.บ. ภาษีที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างมีผลบังคับใช้ ภาระภาษีลดลง 50% 
  • กิจการสาธารณะ เช่น โรงพยาบาล โรงเรียน เป็นต้น ภาระภาษีลดลงไม่เกิน 75% 
2. ลดภาระภาษี เช่น 
  • ที่ดินเปล่าที่อยู่ระหว่างปลูกสร้างเป็นที่อยู่อาศัย 0% (1 ปี)
  • ทรัพย์สินที่อยู่ระหว่างพัฒนาเพื่อทำโครงการที่พักอาศัย 0.05% (3 ปี)
  • ทรัพย์สินที่เป็น NPA ของสถาบันการเงิน 0.05% (5 ปี)

ตัวอย่างการคำนวณภาษี

นายมารวยมีบ้านหลังหลักที่ใช้เป็นที่พักอาศัยราคา 5 ล้านบาท ตามตารางอัตราภาษี บ้านหลังหลักที่ราคาไม่เกิน 50 ล้านบาท จะได้รับการยกเว้นภาษี ดังนั้นบ้างหลังนี้ นายมารวยจึงไม่ต้องเสียภาษีค่ะ และนายมารวยมีบ้านหลังที่ 2 เป็นบ้านพักตากอากาศที่หัวหิน (ตึกครึ่งไม้) มูลค่า 10 ล้านบาท  มีพื้นที่ 50 ตร.ว. และเป็นพื้นที่ใช้สอยของบ้าน 100 ตร.ม. อายุบ้าน 10 ปี เราลองมาดูวิธีการคำนวณภาษีกันนะคะ
 ภาระภาษี = (มูลค่าที่ดิน* + มูลค่าสิ่งปลูกสร้าง**) x อัตราภาษี *กำหนดให้ มูลค่าที่ดิน = ราคาประเมินทุนทรัพย์ที่ดิน (ต่อ ตร.ว.) x ขนาดพื้นที่ดิน
** กำหนดให้ มูลค่าสิ่งปลูกสร้าง = ราคาประเมินทุนทรัพย์โรงเรือนสิ่งปลูกสร้าง (ต่อ ตร.ม.) x ขนาดพื้นที่สิ่งปลูกสร้าง - ค่าเสื่อมราคา
สมมติให้ ราคาประเมินทุนทรัพย์ที่ดิน = 40,000 บาทต่อตร.ว. , ราคาประเมินทุนทรัพย์สิ่งปลูกสร้าง = 6,500 บาทต่อ ตร.ม.
จากการคำนวณภาระภาษีข้างต้น นายมารวยต้องเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 
สำหรับบ้านพักตากอากาศที่หัวหินเป็นเงิน 1,312 บาท

ตัวอย่างคำถามที่ถามกันบ่อยเกี่ยวกับภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 

คำถามที่ 1 หากนายมารวย เป็นเจ้าของที่พักอาศัยหลายหลัง นายมารวยควรบริหารจัดการอย่างไร เพื่อลดภาระภาษีที่ดิน และสิ่งปลูกสร้าง 
คำตอบ (ตามร่างล่าสุด) เพื่อลดภาระภาษีนายมารวยควรเลือกที่พักอาศัยที่มีราคาประเมินสูงที่สุดเป็นที่พักอาศัยหลังหลัก ตามตัวอย่างด้านล่างนี้
จากตัวอย่างข้างต้น จะเห็นได้ว่าหากนายมารวยเลือกที่พักอาศัยที่มีราคาประเมินสูงที่สุดเป็นที่พักหลังหลัก 
นายมารวยสามารถลดภาระภาษีลงได้ 607,000 - 367,000 = 240,000 บาท
คำถามที่ 2 หากนายมารวยมีที่อยู่อาศัยหลายแห่ง และมีบุตรหลายคน นายมารวยควรบริหารจัดการอย่างไร เพื่อลดภาระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
คำตอบ (ตามร่างล่าสุด) การโอนอสังหาริมทรัพย์โดยไม่มีค่าตอบแทนให้แก่บุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย (ไม่รวมบุตรบุญธรรม) ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเฉพาะส่วนที่ไม่เกิน 20 ล้านบาท ต่อปีภาษี ทั้งนี้ ผู้รับโอนจะเสียภาษี 5% เฉพาะส่วนที่มีมูลค่าเกินกว่า 20 ล้านบาท โดยการโอนอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าว อาจช่วยบรรเทาภาระภาษีมรดก หากนายมารวยมีทรัพย์สิน มีทรัพย์มรดกตั้งแต่ 100 ล้านบาทขึ้นไป
* บุตรที่ได้รับโอนอสังหาริมทรัพย์จะต้องเป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษีที่ดิน และสิ่งปลูกสร้าง แต่ อาจได้รับการยกเว้น หากใช้เป็นที่พักอาศัยหลัก และอสังหาริมทรัพย์นั้นมีราคาประเมินไม่เกิน 50 ล้านบาท
คำถามที่ 3 หากนายมารวยมีที่ดินรกร้างว่างเปล่า นายมารวยควรบริหารจัดการอย่างไร เพื่อลดภาระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
คำตอบ (ตามร่างล่าสุด) ในการจัดการที่ดินว่างเปล่าเพื่อลดภาระภาษี ก่อนอื่น นายมารวยต้องทราบก่อนว่า การใช้ที่ดินทำอะไร ต้องเสียภาษีเท่าไหร่ โดยแนวทางในการวางแผนภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง มีดังนี้
 นำที่ดินเปล่ามาใช้ในทางเกษตรกรรมอัตราเพดานภาษี 0.2% 
 นำมาใช้เป็นที่พักอาศัยหลังหลัก หรือหลังอื่นอัตราเพดานภาษี 0.5% 
 นำไปใช้ประกอบธุรกิจ เช่น การให้เช่าที่ดินอัตราเพดานภาษี 2% 
จากการจัดการที่ดินเพื่อลดภาระภาษีข้างต้น จะเห็นได้ว่าการใช้ที่ดินในการทำเกษตรกรรม กับการใช้เป็นที่ดินเพื่อที่พักอาศัยหลัก จะเสียภาษีถูกที่สุด และการใช้ที่ดินไปในเชิงพาณิชยกรรมจะเสียภาษีแพงที่สุด

สถานที่ยื่นแบบแสดงรายการภาษี และชำระภาษี

1. สำนักงานเทศบาล สำหรับที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่อยู่ในเขตเทศบาล
2. ที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบล สำหรับที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่อยู่ในเขตองค์การบริหารส่วนตำบล
3. สำนักงานเขตที่ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างนั้นตั้งอยู่ สำหรับที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่อยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร
4. ศาลาว่าการเมืองพัทยา สำหรับที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่อยู่ในเขตเมืองพัทยา
5. ที่ทำการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นตามที่กฎหมายกำหนด สำหรับที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างที่อยู่ในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น
ในกรณีที่มีความจำเป็น ผู้บริหารท้องถิ่นอาจกำหนดให้ใช้สถานที่อื่นภายในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น เป็นสถานที่สำหรับยื่นแบบแสดงรายการภาษีและชำระภาษีได้ตามที่เห็นสมควร และการยื่นแบบแสดงรายการภาษีและชำระภาษี ให้ถือว่าวันที่พนักงานเก็บภาษีลงลายมือชื่อในใบเสร็จรับเงินเป็นวันที่ชำระภาษี

เทศกาลอาหารทะเล" ครั้งที่ 15


ททท.สำนักงานประจวบคีรีขันธ์ ขอเชิญเที่ยวงาน "เทศกาลอาหารทะเล" ครั้งที่ 15 (15th Sea Food Festival 2018) 
ระหว่างวันที่ 10-19 พฤษภาคม 2561 ณ สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ ร.9 (ใกล้ศาลากลางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์) และถนนเลียบชายทะเลอ่าวประจวบฯ อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ภายในงานวิธีเปิดงาน ชิมอาหาร ฟรี !! ชม ชิม ช้อปอาหารทะเลราคาถูกปาก รสชาติถูกใจ สดๆจากชาวประมง การจำหน่ายปูม้าราคาถูก สินค้าจากร้านดัง สินค้าชุมชนของดีเมืองประจวบคีรีขันธ์มากมาย ทุกคืนมีการแสดงคอนเสิร์ตจากศิลปิน

สอบถามรายละเอียดได้ที่ 
กองส่งเสริมการท่องเที่ยว
เทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์
โทร.032-604-143

#HuaHin #Prachuabkirikhan#TATPRACHUAP


วันศุกร์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

Hua Hin International Jazz Festival 2018


18 - 19 พ.ค. 2561 นี้ 
Hua Hin International Jazz Festival 2018 : Open to the New Shades
ชมฟรี มาเปิดประสบการณ์การท่องเที่ยวเชิงดนตรี - พักผ่อน ฟังเพลงแจ๊ส เพราะๆ 
เคล้าคลอเสียงคลื่น ลมทะเล มีความสุขสุดบรรยาย พร้อมอาหารและเครื่องดื่มดีๆ 
ยิ่งได้รับชมคอนเสิร์ตจากศิลปินที่ชื่นชอบ ยิ่งฟินไปอีก!!!! 

ห้ามพลาดจริงๆนะ ริมชายหาดหัวหิน 
ตั้งแต่ 17.00 น.เป็นต้นไป #ชมฟรี!!!! #ไม่เสียค่าบัตรใดๆ 


คอนเสิร์ต #FreeEntry#Opentothenewshades #AmazingThailand#TAT #HuaHin #HuaHinInternationalJazzFest2018

ที่มา: ททท.

วันพฤหัสบดีที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

วิธีคัดกรอง ส่อง และมองหาทำเลที่มีศักยภาพสูงแบบมืออาชีพ เพียงดูจาก 11 วิธีนี้

ส่องทำเลแบบนักลงทุนมืออาชีพ



  • ดูคุณภาพของตลาดในพื้นที่ ถือเป็นตัวชี้ชั้นดี ที่บอกให้ทราบถึงสภาพชุมชนและความน่าอยู่กว่าของพื้นที่ในบริเวณนั้น ซึ่งวิธีการง่ายๆ ก็คือการลงพื้นที่สำรวจตลาดตอนเช้าและตลาดนัดตอนเย็นของคนในพื้นที่ เพื่อดูความคึกคัก ความอุดมสมบูรณ์ และหลากหลายของสินค้าที่ขาย


  •  
  • ดูความกว้างถนนหลักและถนนซอย เน้นเลือกที่ดินที่ติดหรือใกล้ถนนใหญ่ให้มากที่สุด ถนนหลักยิ่งกว้างเท่าไหร่ยิ่งดีเท่านั้น และให้หลีกเลี่ยงที่ดินที่อยู่ในซอยแคบหรือซอยตัน ถนนหลักที่ดีควรต้องมีถนนซอยที่กว้างมากพอที่จะสนับสนุนการพัฒนาทำประโยชน์ได้ด้วย
                                                                                                
  • ดูเพื่อนบ้านและร้านค้าในพื้นที่ สำรวจว่าคนแถบนั้นส่วนใหญ่ทำอาชีพอะไรกัน มีสภาพความเป็นอยู่และลักษณะนิสัยเช่นไร รวมถึงลักษณะร้านค้าที่เปิดในบริเวณนั้นเป็นร้านค้าประเภทใด ส่งเสริมต่อความสุขสบาย สงบสุข และความเจริญในบริเวณนั้นหรือไม่
     
  • ดูโครงการพัฒนาของรัฐในพื้นที่ ที่ดินที่ถือว่ามีศักยภาพสูง ควรอยู่ในพื้นที่ที่กำลังมีการพัฒนาสาธารณูปโภคและสาธารณูปการ เช่น กำลังตัดถนนใหม่หรือขยายถนน กำลังมีการทำทางเท้า ท่อระบายน้ำใหม่ หรือกำลังมีการวางท่อประปาและไฟฟ้าอยู่
     
  • ดูตำแหน่งที่ตั้งที่สะดวกในการเดิน อย่างน้อยควรมีเส้นทางเข้าถึงพื้นที่ได้มากกว่า 1 เส้นทาง รวมถึงสะดวกที่คนอื่นๆ จะเดินทางมาถึงพื้นที่ด้วย อย่างเช่นใกล้สี่แยก ใกล้ทางแยก ทางตัดผ่าน และทางขึ้นลงทางด่วน เป็นต้น
     
  • ดูแม่เหล็กตัวใหญ่ที่อยู่ใกล้ แม่เหล็กตัวใหญ่ที่ว่าก็คือสถานที่หรือสิ่งที่สามารถดึงดูดคนจำนวนมากให้อยากเข้ามาอยู่ เช่น มหาวิทยาลัย โรงพยาบาล สถานที่ราชการขนาดใหญ่ ตลาดสด ออฟฟิศ โรงงาน ศูนย์การค้า จำไว้ว่าต้องอยู่ในรัศมีไม่เกิน 5 กิโลเมตร ยิ่งใกล้เท่าไหร่ยิ่งดีเท่านั้น


  •  
  • ดูว่าอยู่ในเขตของราชการส่วนท้องถิ่น เช่นอยู่ในเขตเทศบาลหรือสุขาภิบาล ที่ดินเหล่านี้จะมีศักยภาพสูงกว่าที่ดินนอกโซนเพราะจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี เช่น ซ่อมถนนหนทาง กวาดถนน มีไฟสาธารณะ มีบริการเก็บขยะ และดูดส้วม ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาได้ด้วย
     
  • ดูว่าอยู่ใกล้แหล่งงานและพื้นที่ค้าขายได้ หลักคิดจะอิงเกณฑ์ในรัศมีไม่เกิน 5 กิโลเมตรเช่นกัน ที่ปัจจัยข้อนี้สำคัญ เพราะมนุษย์ทุกคนล้วนต้องทำงานหาเลี้ยงชีพ ต้องกินต้องใช้ และต้องจับจ่ายใช้สอย
     
  • ดูที่ดินที่ตั้งอยู่ฝั่งถนนที่คนส่วนใหญ่กลับบ้าน ที่ดินบริเวณนี้มักเจริญมากกว่าในฝั่งถนนขาเข้าเพื่อไปทำงาน เพราะคนส่วนใหญ่นิยมจับจ่ายใช้สอยและทำกิจธุระช่วงเย็นตอนกลับบ้าน ทำให้ร้านค้าและสถานบริการส่วนใหญ่นิยมตั้งฝั่งขากลับบ้านกัน


  •  
  • ดูผังเมืองและข้อจำกัดการใช้ที่ดิน เป็นปัจจัยสำคัญที่เป็นตัวกำหนดความเจริญของพื้นที่ในอนาคต ซึ่งจะสามารถขอตรวจเช็คได้จากหน่วยงานโยธาของราชการในพื้นที่นั้นๆ
     
  • ดูตำแหน่งต้องห้าม ต้องพึงระวังที่ดินที่อยู่ใกล้เสาไฟฟ้าแรงสูงในรัศมี 500 เมตร เพราะคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ปล่อยออกมาจะทำให้มีปัญหาเจ็บไข้ได้ป่วยง่าย หรือที่ดินบริเวณใกล้สนามบิน โดยเฉพาะตามแนวเส้นทางขึ้นลงของเครื่องบินเพราะมีมลภาวะทางเสียงสูงมาก ที่ดินที่เคยเป็นป่าช้าหรือสุสานเก่ามาก่อน พบว่าพื้นที่เหล่านี้มักเจริญน้อยหรือช้ากว่าที่อื่นอย่างเห็นได้ชัด

  • เครดิต http://baania.com

    ขายคอนโดบ้านกลาง หัวหิน ใจกลางเมือง ตกแต่งครบพร้อมอยู่

    Baan Klang Hua Hin , A condominium in Hua Hin, colonial style, inspired from an architectural style of the royal palace and colonial contemp...